10 อันดับ ยาย้อมผม กำลังมาแรง
อยากเปลี่ยนลุคให้ดูสดใสขึ้นแบบไม่ต้องง้อร้านทำผมไหม?
💇♀️ในบทความนี้ เราได้รวบรวม “10 อันดับ ยาย้อมผม ยอดฮิต” ที่ได้รับความนิยมและรีวิวดีจากผู้ใช้จริง พร้อมแนะนำจุดเด่นของแต่ละยี่ห้อ
เพื่อให้คุณเลือกสูตรที่เหมาะกับเส้นผมและสไตล์ของตัวเองได้ง่ายขึ้น ไม่ว่าจะเป็นสายธรรมชาติ สายแฟชั่น หรือสายปิดผมขาว บทความนี้มีคำตอบครบจบในที่เดียว! 🌈
1.Berina Hair Color Cream เบอริน่า
ครีมเปลี่ยนสีผม ครีมย้อมสีผม สีย้อมผมเบอริน่า 47 เฉดสี
🛒 สั่งซื้อที่ LAZADA 🛒 สั่งซื้อที่ Shopee
ครีมเปลี่ยนสีผมเบอริน่า แฮร์คัลเลอร์ ครีม มีให้เลือกมากมายถึง 47 เฉดสี และให้ประกายสีชัดสดใส ได้สีตามที่ต้องการ ปิดผมขาวสนิทแนบสนิท สีติดทนนาน ผมนุ่มไม่หยาบกระด้าง เปล่งประกาย ติดทนนาน ปิดผมขาว แล้วยังช่วยปกป้องการทำร้ายเส้นผม ผมไม่เสียหลังจากผ่านการทำสีผม สีแบรนด์เบอริน่าเป็นสีผมที่ต้องเป็นขวัญใจของผู้ที่ชอบทำสีผมเองและมีราคาไม่แพง สบายกระเป๋าแต่ได้สีที่ติดทนนาน มีคุณภาพ
2. Garnier Color Naturals Creme 30 ml. การ์นิเย่
ยาย้อมผมการ์นิเย่ การ์นิเย่ คัลเลอร์ แนทเชอรัลส์ ผลิตภัณฑ์เปลี่ยนสีผม สูตรใหม่ ด้วยเทคโนโลยีคัลเลอร์บูสท์ ที่ช่วยให้สีผมดูสวยเด่น ผสานพลังจาก น้ำมันมะกอก อะโวคาโด และ อัลมอนด์ ช่วยล็อคสีผมให้ติดทนนานและพร้อมบำรุงผมให้ผมดูสุขภาพดี
ครีมเปลี่ยนสีผมถาวร เพื่อผมนุ่มสวยไม่แห้งเสีย ปราศจากแอมโมเนีย ให้สีผมดูสวยเด่นชัด แม้บนผมสีเข้ม ปิดผมขาวแนบสนิทถึง 100% ผสานส่วนผสมบำรุง สีผมดูสวยเด่นชัด ผสานพลังจาก น้ำมันธรรมชาติถึง 10 เท่า และมีประสิทธิภาพที่สามารถล็อคสีผมให้ติดทนนานถึง 10 สัปดาห์ และพร้อมบำรุงผมให้ผมดูสุขภาพดี
ยาย้อมผม ยี่ห้อไหนดี?
เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีและเหมาะกับสภาพผมของคุณ ผมแนะนำให้พิจารณา 3 ปัจจัยหลักดังนี้:
-
สภาพผมปัจจุบัน
-
ถ้าผมขาวเยอะ → เลือกย้อมแบบ “ถาวร (Permanent)” ที่ครอบคลุมผมขาวได้ดี
-
ถ้าผมเสีย เคยผ่านเคมีมาเยอะ → เลือกสูตรที่มีการบำรุง หรือเลือกใช้แบบกึ่งถาวรเพื่อลดความเสียหาย
-
ถ้าต้องการสีแฟชั่น/เปลี่ยนบ่อย → ย้อมแบบกึ่งถาวร/แฟชั่นสีได้ (semi-permanent/fashion)
-
-
งบประมาณ +ความถี่ในการย้อม
-
ถ้างบน้อย และย้อมไม่บ่อย → เลือกรุ่นราคาประหยัดแต่มีคุณภาพ
-
ถ้าคุณพร้อมลงทุนเพื่อผลลัพธ์ดี + ใช้บ่อย → เลือกรุ่นพรีเมียมหรือสูตรพิเศษ
-
-
ความปลอดภัย &การดูแลหลังย้อม
-
ตรวจสอบให้แน่ใจว่ายาไม่มีส่วนผสมอันตราย หรือซื้อจากแหล่งที่เชื่อถือได้ (มี อย./มาตรฐาน) เพราะในไทยมีการเตือนเรื่องผลิตภัณฑ์ที่ไม่ปลอดภัยด้วย
-
ทดสอบแพ้ (patch test) ก่อนใช้งานจริงเสมอ
-
หลังจากย้อมแล้ว ดูแลดี เช่น ใช้แชมพู/ครีมหมักสำหรับผมย้อมสี ใช้น้ำอุณหภูมิปกติ หลีกเลี่ยงความร้อนมาก
-
สิ่งที่ควรพิจารณาเมื่อเลือกซื้อ ยาย้อมผม
ก่อนซื้อ คุณควรดูเงื่อนไขเหล่านี้เพื่อให้ผลลัพธ์ออกมาดีและปลอดภัย:
- ครอบคลุมผมขาว / รากดำ – ถ้าคุณมีผมขาวเยอะหรือรากขึ้นเร็ว เลือกสูตรที่มีการเคลม “100% ครอบคลุม”
- ส่วนผสม – ถ้าเส้นผมเคยทำเคมีมาก หรือแห้งเสีย ต้องมองหาสูตรที่มีสารบำรุง ลดแอมโมเนียหรือไม่มีแอมโมเนียก็ได้
- เฉดสีที่ได้จริง – หลายคนซื้อแล้วได้สีคลาดเคลื่อนจากกล่อง ซึ่งอาจทำให้ผิดหวัง
- การทดสอบแพ้ – ย้อมผมมีความเสี่ยงเรื่องแพ้หรือระคายเคือง ดังนั้นทดสอบแพทช์ก่อนย้อมจริงทุกครั้ง
- บำรุงหลังย้อม – สีสวยได้ แต่อย่าลืมดูแลหลังย้อม เช่น ใช้ครีมหมักผมหรือทรีทเมนต์ เพื่อช่วยลดความเสียหาย
ประเภทของยาย้อมผม (แบ่งตามความคงทนของสี)
ยาย้อมผมมีกี่ชนิด "ยาย้อมผม” หรือ ผลิตภัณฑ์เปลี่ยนสีผม มีอยู่หลายชนิด ซึ่งแต่ละแบบจะให้ ความคงทนของสี และ ผลลัพธ์ต่อเส้นผม ต่างกัน
1. ยาย้อมผม แบบชั่วคราว (Temporary Hair Color)
ลักษณะ:
- เป็นสีเคลือบบนผิวเส้นผม
- ไม่ซึมเข้าแกนผม
- ล้างออกได้ใน 1–2 ครั้งหลังสระ
ตัวอย่าง:
- สเปรย์สีผม
- มาสคาร่าปิดผมขาวเฉพาะจุด
- เจลหรือโฟมแต่งสีแฟชั่น
ข้อดี:
- เปลี่ยนสีได้บ่อย ปลอดภัย ไม่ทำลายผม
- เหมาะกับการทดลองสีแฟชั่น หรือกิจกรรมพิเศษ
ข้อเสีย:
- สีไม่ติดทน ล้างออกง่าย และอาจเลอะหมอนหรือเสื้อผ้า
2. ยาย้อมผม แบบกึ่งถาวร (Semi-Permanent Hair Color)
ลักษณะ:
- ไม่มีแอมโมเนียและไฮโดรเจนเปอร์ออกไซด์
- สีจะค่อย ๆ จางลงภายใน 6–10 ครั้งที่สระผม
- ไม่สามารถเปลี่ยนสีผมดำให้สว่างขึ้นได้
ตัวอย่าง:
- โฟมย้อมผมสูตรอ่อนโยน
- ผลิตภัณฑ์เปลี่ยนสีผมธรรมชาติ เช่น Henna หรือ Hair Gloss
ข้อดี:
- ไม่ทำลายเส้นผมมาก
- ให้ผมเงางามและสีดูธรรมชาติ
ข้อเสีย:
- สีหลุดเร็ว และปิดผมขาวได้ไม่หมด
3. ยาย้อมผม แบบถาวร (Permanent Hair Color)
ลักษณะ:
- มีส่วนผสมของแอมโมเนียและไฮโดรเจนเปอร์ออกไซด์
- สีซึมเข้าสู่แกนผม ทำให้สีติดแน่นและอยู่ได้นาน 6–8 สัปดาห์
- สามารถเปลี่ยนสีผมดำให้สว่างขึ้นได้
ตัวอย่าง:
- L’Oréal Excellence
- Revlon Colorsilk
- Schwarzkopf Igora Royal
ข้อดี:
- สีติดทนนาน ปิดผมขาวได้ดีที่สุด
- มีเฉดสีให้เลือกหลากหลาย
ข้อเสีย:
- มีสารเคมี อาจทำให้ผมแห้งเสียหรือแพ้ได้
- ต้องบำรุงผมอย่างต่อเนื่องหลังการย้อม
4. ยาย้อมผม แบบเฮนน่า (Henna Hair Dye)
ลักษณะ:
- ใช้สีจากธรรมชาติ (พืชเฮนน่า) ไม่มีสารเคมี
- ให้สีโทนน้ำตาลแดงหรือแดงส้มเป็นธรรมชาติ
ข้อดี:
- ปลอดภัย ไม่แพ้ง่าย
- ช่วยเคลือบเส้นผมให้แข็งแรงและเงางาม
ข้อเสีย:
- สีเลือกได้น้อย (ส่วนใหญ่เฉดส้ม/แดง)
- ติดนานมาก ล้างออกยาก และย้อมทับด้วยสีเคมีภายหลังได้ยาก
5. ยาย้อมผม ปิดผมขาวแบบแชมพู (Shampoo Hair Color / Easy Dye)
ลักษณะ:
- ใช้สูตรคล้ายแชมพู ทาแล้วนวด 5–10 นาทีแล้วล้างออก
- เหมาะสำหรับผู้สูงอายุหรือผู้ที่ต้องการใช้งานง่าย
ข้อดี:
- ใช้ง่าย ไม่มีกลิ่นฉุน
- ปลอดภัยกว่ายาย้อมผมถาวรบางสูตร
ข้อเสีย:
- สีหลุดเร็ว ต้องย้อมซ้ำบ่อย
- ไม่เหมาะสำหรับการเปลี่ยนสีแฟชั่น
วิธีย้อมผมด้วยตัวเอง
วิธีย้อมผมด้วยตัวเองแบบละเอียด เหมาะสำหรับทั้งมือใหม่และคนที่เคยย้อมแล้ว แบ่งเป็น 3 ช่วงหลัก: ก่อนย้อม – ระหว่างย้อม – หลังย้อม
1. ก่อนย้อมผม (Preparation)
✅ เตรียมอุปกรณ์
สิ่งที่ควรมีให้พร้อมก่อนเริ่ม:
-
ยาย้อมผม (ครีมเปลี่ยนสีผม + น้ำยาไฮโดรเจน)
-
ถุงมือพลาสติก
-
หวีซี่ถี่ / หวีปลายแหลม (ไว้แสกผม)
-
ผ้าคลุมไหล่เก่า ๆ หรือเสื้อผ้าที่ไม่เสียดาย
-
กิ๊บหนีบผม
-
ชามพลาสติกและแปรงย้อม (หากไม่ได้อยู่ในขวดผสม)
-
นาฬิกาหรือตัวจับเวลา
-
กระดาษทิชชู่หรือผ้าชุบน้ำ (ไว้เช็ดคราบที่เปื้อน)
✅ เตรียมเส้นผมให้พร้อม
-
อย่าสระผมก่อนย้อม 1 วัน เพื่อให้ “น้ำมันธรรมชาติ” เคลือบหนังศีรษะ ช่วยลดการระคายเคืองจากเคมี
-
หวีผมให้เรียบและไม่พันกัน เพื่อให้ครีมย้อมกระจายทั่วถึง
-
ทา “วาสลีน” รอบขอบหน้า หู และต้นคอ ป้องกันผิวเปื้อนสี
🎨 2. ระหว่างย้อมผม (Application)
✅ ขั้นตอนการลงสี
-
ผสมยาย้อมผม ตามสัดส่วนในกล่อง (มักเป็น 1:1)
-
แบ่งผมเป็น 4 ส่วน — ซ้าย/ขวา หน้า/หลัง แล้วหนีบไว้
-
เริ่มย้อมจากปลายผมก่อน
-
สำหรับการย้อมสีใหม่: ทาครีมจาก “กลางถึงปลายผม” ก่อน เพราะบริเวณนี้ติดสียาก
-
เว้น “โคนผม” ไว้ประมาณ 1–2 ซม.
-
-
ทิ้งไว้ 15–20 นาที (ตามคำแนะนำในกล่อง)
-
ย้อมโคนผมต่อ แล้วทิ้งไว้อีก 10–15 นาที
-
นวดครีมให้ทั่วศีรษะเบา ๆ เพื่อให้สีสม่ำเสมอ
💡 เคล็ดลับ: ถ้าเป็น “การเติมโคน” ไม่จำเป็นต้องย้อมทั้งหัว ย้อมเฉพาะส่วนโคนที่งอกใหม่ก็พอ
🚿 3. หลังย้อมผม (Aftercare)
✅ การล้างและดูแลผม
-
ล้างออกด้วยน้ำอุณหภูมิปกติ (ไม่ร้อน) จนน้ำใส
-
สระด้วยแชมพูสำหรับผมทำสี หรือแชมพูสูตรอ่อนโยน (ไม่มีซัลเฟต)
-
ใช้ทรีตเมนต์/ครีมนวดบำรุง หลังย้อมเพื่อปิดเกล็ดผม
-
ซับผมให้แห้งด้วยผ้าขนหนูนุ่ม ๆ ไม่ขยี้แรง
-
หลีกเลี่ยงการใช้ไดร์ร้อนจัด อย่างน้อย 2–3 วันแรก
-
งดสระผม 2 วันหลังย้อม เพื่อให้สีติดทนนาน
ข้อแนะนำเพิ่มเติม
- เลือกเฉดสีที่ใกล้เคียงกับสีผมธรรมชาติเพื่อให้ผลลัพธ์ออกมาดี โดยเฉพาะหากคุณเป็นผู้เริ่มต้น
- ถ้าผมเข้มมากแล้วต้องการเปลี่ยนเป็นสีอ่อนกว่ามาก อาจต้อง “ฟอก/กัดสี” ก่อนซึ่งมีความเสี่ยงสูงและควรทำที่ซาลอน
- อย่าลืมอ่าน “คำแนะนำวิธีใช้” บนกล่องอย่างละเอียด และเตรียมอุปกรณ์ครบ (ถุงมือ ผ้าคลุม ฯลฯ)
- หากมีอาการคัน แสบ หนังศีรษะไหม้ หรือมีผื่น ควรล้างออกและหยุดใช้ทันที
สรุป & แนะนำตามสภาพผมของคุณ
- หากมี ผมขาวไม่มาก และงบไม่สูง → เลือกตัวราคาประหยัด เช่น Cherry ตัว Garnier หรือ Lolane
- หากมี ผมขาวเยอะ หรืออยากได้ผลลัพธ์ “แบบมืออาชีพ” → เลือกตัวพรีเมียม เช่น L’Oréal, หรือแบรนด์ต่างประเทศ
- หากอยาก เปลี่ยนสีแบบแฟชั่น (ไม่ใช่แค่ปิดผมขาว) → เลือกเฉดสนุกๆ เช่น Bubble foam หรือเฉดคูลแอช
- อย่าลืม: ทดสอบแพ้, อ่านคำแนะนำบนกล่อง, ใช้อุปกรณ์ครบก่อนย้อม, และบำรุงหลังย้อมเสมอ